Internet resource for the Thai language |
F.A.Q. Check out the list of frequently asked questions for a quick answer to your inquiry
recent donations!
Sign-up to join our mailing list. You'll receive email notification when this site is updated. Your privacy is guaranteed; this list is not sold, shared, or used for any other purpose. Click here for more information.
To unsubscribe, click here.
ชนิดของคำ - Parts of Speechย่อมาจาก “หลักภาษาไทย” โดย กำชัย ทองหล่อ, ศิลปศาสตร์ดุษฎีบัฑิตกิตติมศักดิ์ (สาขาภาษาและวรรณคดีไทย), ฉบับพิมพ์ พ.ศ. 2545, ๑๙๖-๒๖๕ Excerpted from “The Fundamentals of the Thai Language” by Kumchai Thonglaw, Honorary Doctorate in Arts (Language and Literature), Printed 2545 (2002), pages 196 – 265 (Please note that other editions might have different page numbers.) |
1. | คำนาม | Nouns | ||
คำที่เป็นชื่อของคน สัตว์ สถานที่ สิ่งของ และกิริยาอาการต่าง ๆ ทั้งที่เป็นรูปธรรม และนามธรรม แบ่งออกเป็น ๕ ชนิด ดังนี้ | Nouns are words which indicate what persons, animals, places, things, and various actions are called; (nouns) include both concrete (nouns) and abstract (nouns). (Nouns) are of five types, as follows: | |||
A. | สามานยนาม | Common nouns | ||
คำที่เป็นชื่อของ คน สัตว์ สถานที่ สิ่งของ และกิริยาอาการทั่วไป | Words which name persons, animals, places, things, and actions in general | |||
B. | วิสามานยนาม | Proper nouns | ||
คำที่เป็นชื่อเฉพาะของ คน สัตว์ สถานที่ และสิ่งของ เป็นชื่อที่บัญญัติขี้นสำหรับใช้เรียกชี้เฉพาะลงไปว่า เป็นใครหรืออะไร | Words which are specific names for persons, animals, places or things and which are creates specifically to identify who is who or what is what. | |||
C. | ลักษณนาม | Classifiers | ||
คำนามที่ทำหน้าที่ประกอบนามอื่น เพื่อแสดงรูปลักษณะ ขนาดหรือประมานของนามนั้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น | Words which combine with other words to indicate and clarify the appearance or configuration, size, or number of a particular noun. | |||
D. | สมุหนาม | Collective nouns | ||
i. | คำนามที่มีหน้าที่แสดงหมวดหมู่ของสามานยนามและวิสามานยนาม | Nouns which function to show groupings of common and proper nouns | ||
ฝูงนกบินไปในอากาศ | A flock of birds flew into the air | |||
คณะครูประชุมในห้องสมุด | The group of teachers is meeting in the library | |||
กองทหารตั้งอยู่ที่เชิงเขา | The troops are deployed in the foothills. | |||
ii. | คำนามที่เป็นชื่อของสถานที่หรือองค์การต่าง ๆ แต่สมมติให้เป็นบุคคลขึ้นตามความนิยมของภาษา คือแทนที่จะให้หมายถึงสถานที่หรือองค์การต่าง ๆ ตามรูปศัพท์ แต่เปลี่ยนความหมายให้เป็นกลุ่มคนผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในสถานที่หรือองค์การนั้น ๆ | Nouns which carry the name of a location or an organization but is presumed to be an individual in according to customary use in the language. That is, instead of using (the noun) to indicate the place or organization as it is written, the meaning of the noun is changed to refer to the group of persons who have the responsibility for such place or organization. | ||
โรงเรียนต้องการนักเรียนที่ดี | The school wants good students (or their students to be good). | |||
บริษัทได้รับสินค้าจากต่างประเทศ | The company has received its foreign shipment | |||
ศาลตัดสินให้วัดเป็นฝ่ายชนะคดี | The court decided that the temple prevailed in the lawsuit. | |||
E. | อาการนาม | Abstract nouns | ||
หรือคำนามซึ่งเกิดจากคำกริยาหรือคำวิเศษณ์ที่มีคำ “การ” หรือ “ความ” นำหน้า คำนามชนิดนี้มีลักษณะผิดกับคำนามชนิดอื่น คือใช้คำประสมทั้งสิ้น | Abstract nouns or nouns which arise from verbs or modifiers are those which have prefixes of “การ” or “ความ”; this kind of noun has characteristics which differ from other nouns in that all of them use these compounding elements. | |||
2. | คำสรรพนาม | Pronouns | ||
คำที่ใช้แทนนามหรือข้อความที่กล่าวมาแล้ว | Pronouns are words which are used in place of nouns or statements which have been referred to already. | |||
A. | บุรุษสรรพนาม | Personal pronouns | ||
B. | ประพันสรรพนาม | Relative pronouns | ||
C. | วิภาคสรรพนาม | Classifying pronouns | ||
D. | นิยมสรรพนาม | Demonstrative pronouns | ||
E. | อนิยมสรรพนาม | Indefinite pronouns | ||
F. | ปฤจฉาสรรพนาม | Interrogative pronouns | ||
3. | คำกริยา | Verbs | ||
คำที่แสดงอาการของนามและสรรพนาม หรือแสดงการกระทำของประธาน | Verbs are words which indicate the condition of nouns and pronouns or indicate actions of the subject [of a sentence]. | |||
A. | สกรรมกริยา | Transitive verbs | ||
กริยาที่ต้องมีกรรมมารับจึงจะให้ความสมบูรณ์ครบถ้วน | Verbs which must have an object in order to convey the complete meaning. Examples: | |||
i. | ทหารถือปืน | The soldier carries a gun. | ||
ii. | คนครัวหุงข้าว | The cook is boiling rice. | ||
B. | อกรรมกริยา | Intransitive verbs | ||
กริยาที่มีความหมายครบถ้วนในตัวเองโดยไม่ต้องมีกรรมมารับ | Verbs which are complete in themselves and which do not require an object. Examples: | |||
i. | นกบินในอากาศ | The bird is flying in the air. | ||
ii. | เด็กนั่งบนเดียง | The child sits on the bed. | ||
C. | วิกตรรถกริยา | Auxiliary verbs | ||
กริยาที่ไม่สำเร็จความหมายในตัวเอง และจะใช้เป็นกริยาของประธานตามลำพังตัวเองไม่ได้ จะต้องมีคำนาม คำสรรพนาม หรือคำวิเศษณ์มาขยาย จึงจะได้ความ กริยาพวกนี้ได้แก่คำว่า เป็น เหมือน เท่า คล้าย คือ . . . . | Verbs which do not carry a complete meaning in and of themselves; and, they cannot be used as verbs associated with subject of the sentence all by themselves. They need to have a noun, pronoun, or modifier expand their meaning. | |||
i. | ใช้คำนามขยาย – นายแดงเป็นครู | Mr. Daeng is a teacher. | ||
แมวคล้ายเสือ | A cat is like a tiger. | |||
ii. | ใช้คำสรรพนามขยาย – ถ้าเธอเป็นฉัน เธอจะรู้สึกอย่างไร | If you were me, how would you feel? | ||
ผู้นั้นแหละ คือเขาละ | That’s him! | |||
iii. | ใช้คำวิเศษณ์ขยาย – เขาพูดอะไรเป็นเท็จไปหมด | Whatever he says is a lie. | ||
ถ้าฉันเป็นใหญ่เป็นโต ฉันจะไม่ลืมท่าน | If I ever achieve a high position, I will never forget you. | |||
คำวิกตรรถกริยา ‘เป็น’ | The auxiliary verb “to be” | |||
[this section to be posted soon] | ||||
D. | กริยานุเคราะห์ | Helping verbs [e.g., กำลัง ได้ จะ คง จง ถูก ให้] | ||
คำกริยาที่ทำหน้าที่ช่วยกริยาชนิดอื่นให้แสดงความหมาย ออกมาเป็น กาล มาลา หรือ วาจก ต่าง ๆ เพราะคำกริยาในภาษาไทยมีรูปคงที่ ไม่เปลี่ยนรูปไปตามกาล มาลา หรอวาจก เหมือนภาษาที่มีวิภัตติปัจจัย | Words which function to assist other verbs to explain their meanings and express various tenses, moods, or voices. (They are required) because Thai verbs are fixed in their forms and they do not change forms for tense, mood, or voice functions, as is the case in other languages which make use of suffixes and conjugations. | |||
i. | ช่วยบอกกาล | Indicating tenses | ||
เขากำลังทำงาน | He is working. | |||
(ปัจจุบัน) | (present tense) | |||
เขาได้ทำงาน | He worked already. | |||
(อดีต) | (past tense) | |||
เขาจะทำงาน | he will work | |||
(อนาคต) | (future tense) | |||
ii. | ช่วยบอกมาลา | Indicating mood | ||
เขาคงมาที่นี่ | He might come here. | |||
(ศักดิมาลา) | (mood indicating potentiality) | |||
ท่างจงเชื่อมั่น | You should be confident. | |||
(อาณัติมาลา) | (imperative mood) | |||
ชะรอยเขาจะฝันไป | Would that he might dream. | |||
(ปริกัลปมาลา) | (subjunctive mood ) | |||
iii. | ช่วยบอกวาจก | Indicating voice | ||
นักโทษถูกผู้คุมจับ | The prisoner was caught by the warden | |||
(กรรมวาจก) | (passive voice) | |||
นักเรียนถูกครูให้ทำงาน | The student was put to work by the teacher. | |||
(การิตวาจก) | (causative voice) | |||
บิดาให้บุตรเขียนหนังสือ | The father asked that his child write a letter. | |||
(กรรตุวาจก) | (active voice) | |||
E. | กริยาสภาวมาลา – คำกริยาที่ทำหน้าที่คล้ายกับนาม | Verbs which function in a manner similar to nouns | ||
นอนมีประโยชน์กว่าอิริยาบถอื่น (“นอน”เป็นประทานของกริยา“มี”) | Lying down has more benefits than any other position. | |||
(“นอน”เป็นประทานของกริยา“มี”) | ("Lying down" is the subject of the verb “has”) | |||
ฉันชอบดูภาพยนตร์ | I enjoy watching movies. | |||
(“ดู”เป็นกรรมของกริยา“ชอบ”) | (“watching” is the object of the verb “enjoy”) | |||
4. | คำวิเศษณ์ | Modifiers | ||
[click here for the complete article on modifiers in the Thai language] | ||||
5. | คำบุพบท | Prepositions | ||
คำที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างคำหรือประโยค เพื่อให้รู้ว่าคำหรือประโยคที่อยู่หลังบุพบทนั้นมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับคำหรือประโยคที่อยู่ข้างหน้าอย่างไร | Prepositions are words which indicate relationships between words or clauses so that we might understand what sort of relationship the word or clause which falls after the preposition has to the element which falls before it. | |||
ความต่างกันระหว่างบุพบทกับคำวิเศษณ์ | The Difference Between Prepositions and Modifiers | |||
[this section to be posted soon] | ||||
A. | บุพบทที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง นามกับนาม นามกับสรรพนาม หรือนามกับกริยา | Prepositions which indicate relationships between nouns and nouns, nouns and pronouns, or nouns and verbs. | ||
i. | ฉันชอบนาฬิกาของนายแดง | I like Mr. Daeng’s watch. | ||
ii. | อาหารสำหรับท่านมีอยู่พร้อมแล้ว | Your food is ready. | ||
iii. | อาหารสำหรับรับประทานมีไหม? | Do you have any food to eat? | ||
iv. | ของเผื่อเลือกมีหลายอย่าง | There are many things to choose from. | ||
B. | บุพบทที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง สรรพนามกับนาม สรรพนามกับสรรพนาม หรือสรรพนามกับกริยา | Prepositions which indicate relationships between pronouns and nouns, pronouns and pronouns, or pronouns and verbs | ||
i. | เธอจะพบใครในห้องนั้น | Whom will you meet in that room? | ||
ii. | อะไรสำหรับเล่นมีบ้างไหม | What do you have to play with? | ||
iii. | ขอให้บอกมาว่า ไหนสำหรับกิน ไหนสำหรับเก็บ | Please let me know which (food) is for eating now and which (food) should be put away. | ||
C. | บุพบทที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง กริยากับนาม กริยากับสรรพนาม กริยากับกริยา หรือกริยากับวิเศษณ์ | Prepositions which indicate relationships between verbs and nouns, verbs and pronouns, verbs and verbs, or verbs and modifiers. | ||
i. | ฉันไปกับเธอ | I am going with you | ||
ii. | เขาอยู่เพื่อกิน | He lives to eat. | ||
iii. | เขาไปโดยเร็ว | He goes quickly. | ||
iv. | เขาคิดของเขาเอง | He thought about it himself. | ||
D. | บุพบทที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างประโยคกับประโยค | Prepositions which indicate relationships between sentences or between clauses. | ||
i. | เขานอนตั้งแต่ฝนตกครั้งแรก | He has been sleeping since it first began to rain. | ||
ii. | เขาเก็บอาหารไว้สำหรับคนดายหญ้าที่สนาม | He is keeping some food for the people who are mowing the grass in the field. | ||
E. | บุพบทที่ไม่แสดงความสัมพันธ์กับบทอื่น | Prepositions which do not indicate any relationship with anything else. | ||
i. | ดูกร มหาพราหมณ์ ท่านจงทำตามคำที่เราบอก | Hearken, Great Brahmin; please do as we ask! | ||
ii. | ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย เราขอเตือนท่านทั้งหลายให้เป็นผู้สงบ | Hear me, oh Ye monks, we warn you all to be men of peace! | ||
6. | คำสันธาน | Conjunctions | ||
คำที่ทำหน้าที่เชื่อมคำกับคำ ประโยคกับประโยค ข้อความกับข้อความ หรือเชื่อมความให้สละสลวย | Conjunctions are words which serve to connect individual words with individual words; sentences or clauses with other sentences and clauses; paragraphs with other paragraphs; or, to provide connections which are elegant and fluid. | |||
A. | เชื่อมคำกับคำ | Connecting words with words | ||
i. | เขาพบครูและนักเรียน | He met both the teachers and the students. | ||
ii. | นายดำกับนายแดงเป็นเพื่อนกัน | Mr. Dam and Mr. Daeng are friends | ||
B. | เชื่อมประโยคกับประโยค | Connecting sentences with sentences | ||
i. | นักเรียนมาหาครูและผู้ปกครองก็มาด้วย | The students came to meet their teacher and their parents came as well. | ||
ii. | เพราะเขาขยันเขาจึงสอบไล่ได้ | Because he is a diligent student, he passed his final exams. | ||
C. | เชื่อมข้อความกับข้อความ | Connecting paragraphs with paragraphs | ||
D. | เชื่อมความให้สละสลวย | Conjunctions to create flow and elegance | ||
i. | เขาก็เป็นคนสำคัญเหมือนกัน | He is quite an important person. | ||
ii. | อันว่า ทรัพย์สมบัตินั้น เป็นแต่เพียงของนอกกาย ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ | This means that your property is not physically part of you; when you die you cannot take it with you. | ||
iii. | อย่างไรก็ตาม ฉันต้องไปกับท่านคนหนึ่งละ | In any event, I must be one of those who goes with you. | ||
ชนิดของสันธาน | Classifications of conjunctions | |||
[this section to be posted soon] | ||||
7. | คำอุทาน | Exclamations and Interjections | ||
คำอุทาน คือคำที่แสดงถึงเสียงที่เปล่งออกมาในเวลาดีใจ, เสียใจ, ตกใจ, ประหลาดใจ, หรือกริ่งใจ เป็นต้น หรือเป็นคำที่ใช้ต่อถ้อยเสริมบทให้บริบูรณ์ยิ่งขึ้น | Interjections are words which indicate sounds we exclaim at times when we are happy, sad, startled, surprised, or mistrustful. Alternatively, (interjections) are words which expand the context of a story to achieve increased completeness. | |||
A. | อุทานบอกอาการ | Exclamations which relate a condition | ||
อุทานบอกอาการใช้แสดงความรู้สึกต่าง ๆ ในการพูด เช่น | exclamations which relate to a condition are used to demonstrate certain feelings while speaking; examples include, | |||
โธ่ ! | /tho:hF/ | |||
อนาถใจ หรือสงสาร | [exclamation of tragedy or pity] | |||
พุทโท่ ! | /phootH tho:hF/ | |||
สงสาร, น้อยใจ, เสียใจ | [exclamation of pity; feeling of being slighted; expression of sorrow] | |||
แหม ! | /maaeR/ | |||
แปลก หรือประหลาดใจ | [exclamation of amazement or astonishment] | |||
โอ ! | /o:hM/ | |||
รู้สึกเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ | [exclamation when suddenly thinking of or remembering something] | |||
โอย ! | /ooyM/ | |||
เจ็บปวด แปลกหรือมากยิ่ง | [exclamation of pain, strangeness, or of (encountering) something overwhelming] | |||
B. | อุทานเสริมบท | Exclamations which support the context | ||
อุทานเสริมบท คือคำอุทานที่ใช้เป็นคำสร้อยหรือคำเสริมบทต่าง ๆ เพื่อให้มีคำครบถ้วนตามที่ต้องการ หรือให้มีความกระชับ หรือให้สละสลวยขึ้น, เช่น | These are exclamations which provide alliteration, augmentation, or various types of emphasis; the purpose is to complete (the speaker’s) thought or to reinforce (the speaker’s idea), or to create elegance and grace (to the sentence). Examples include | |||
มาเถิดนา แม่นา | Please come here, Mother. | |||
เด็กเอยทำไมจึงร้อง | Why, dear Baby, are you crying? | |||
พุทโธ่ ! เขาตายเสียแล้วหรอ | Oh My Gosh! Is he dead already? |